Bee Siriwan Chanakot ! .... Welcome To Beeloveindy.blogspot.com !>.<

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สินค้าพื้นเมืองจังหวัดสระบุรี


      ตามที่รัฐบาลได้ส่งเสริมให้ทุกตำบลมีการผลิตสินค้าของชุมชนเพื่อ เป็นการ ส่งเสริมรายได้และพัฒนาอาชีพให้มั่นคงแก่คนในชุมชนและเป็นพื้นฐานแห่งการเป็นชุมชนที่เข็มแข็งสามัคคีและยั่งยืนต่อไปโดยการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าระหว่างคนในชุมชน ซึ่งตำบลบ้ายาง อำเภอเสาไห้ เป็นตำบลที่มีชื่อเสียงในเรื่องการทำขนมกระยาสารท โดยวัตถุดิบที่นำมาทำขนมกระยาสารทส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุดิบภายในชุมชนและยังทำให้ขนมกระยาสารทของตำบลบ้านยางมีคุณภาพที่ดี การทำขนมกระยาสารทของตำบลบ้านยางจะเน้นเรื่องความสะอาด วัตถุดิบที่ใช้ต้องใหม่และได้คุณภาพจึงทำให้ขนมกระยาสารทของตำบลบ้านยางมีชื่อเสียง ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาคุณภาพที่ดีของขนมกระยาสารท จึงได้จัดให้มีการรวมกลุ่มเป็นสมาชิกในการทำขนมกระยาสารทที่มีคุณภาพ ให้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในด้านการส่งเสริมสนับสนุน นโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บ้านสุขาวดี พัทยา





          บ้านสุขาวดี  ตั้งอยู่ก่อนถึงพัทยาไม่ไกลนัก ทางฝั่งขวามือ ฝั่งเดียวกับทะเล เป็นคฤหาสน์ที่สุดแสนอลังการและ มีสีสันสดใสงดงาม สามารถมองเห็นบ้านหลังนี้ได้อย่างชัดเจนมาแต่ไกลเพราะตั้งอยู่ริมถนน สุขุมวิท อยู่ช่วง บางละมุงหลักกิโลเมตร ที่ 140 - 141  บ้านเลขที่ 219 หมู่ 2 บ้านสุขาวดีเป็นบ้านของ ดร. ปัญญา  โชติเทวัญ เจ้าของบ้านหลังนี้คือ เจ้าของธุรกิจสหฟาร์มเป็นผู้ส่งออกผลิตผลทางการเกษตรรายใหญ่ของไทย ตั้งอยู่ที่มีพื้นที่ กว่า 80 ไร่ บ้านสุขาวดี เกิดขึ้นมาจากพลังความคิด และความศรัทธาอันแรงกล้าของเจ้าของบ้าน และทีมงาน จากวิกฤตทางเศรษฐกิจ ต่างชาติได้ยึดกิจการของคนไทย เพื่อให้เห็นว่าคนไทยมีศักยภาพไม่แพ้ต่างชาติ ทำให้ เกิดปาฏิหาริย์สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นศักดิ์ศรีของคนไทยบ้านสุขาวดี จึงได้เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 2543 บน เนื้อที่ 12 ไร่ ติดถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ 129 ห่างจากที่ว่าการอำเภอบางละมุง ประมาณ 1 กิโลเมตร มีชาย หาดยาว 400 เมตรปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 80ไร่บ้านสุขาวดี แปลว่า ดี ขาวดี สีของบ้าน เป็นสีชมพูและ ฟ้า สีชมพูเป็นสีแห่งความรัก ดั่งที่ว่า “ ที่ใดไร้รักสมัคร สมานจะทำการสิ่งใดย่อมไร้ผล” ฉะนั้นที่ใดก็ตามที่มีความรัก ความสามัคคี มีความกลมเกลียว เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว กันที่นั่นเขาจะคุยกันแต่เรื่องดีๆ คุยสิ่งสร้างสรรทั้งสิ้น เราก็สามารถฟันธงได้เลยว่า ที่นั่นคือที่ที่ดี ที่เจริญรุ่งเรือง เราจึงใช้“คิวปิด” หรือ เทพเจ้าแห่งความรักเป็นสัญลักษณ์ ส่วนสีฟ้าถือเป็นสีแห่งน้ำ น้ำเป็น สิ่งก่อเกิดสิ่งมีชีวิต ทั้งหลาย ในโลกแต่น้ำเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องศึกษาน้ำ เพราะน้ำ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ทุกสถานะ ถ้าคนเราปรับตัวเข้ากับสังคม ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจหรือความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ เราย่อมมีความสุข แต่น้ำที่ ทุกคนต้องการเหมือนๆกันกลับกลายเป็น “น้ำใจ”

หอนาฬิกาบิ๊กเบน [ Big Ben Clock Tower ] !*



        หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Clock Tower, Palace of Westminster) หรือรู้จักดีในชื่อ บิ๊กเบน เป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาอังกฤษ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง หอนาฬิกานี้ถูกสร้างหลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 โดยชาลส์ แบร์รี เป็นผู้ออกแบบ หอนาฬิกามีความสูง 96.3 เมตร โดยที่ตัวนาฬิกาอยู่สูงจากพื้น 55 เมตร ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย (victorian gothic)
หลายคนเข้าใจว่าบิกเบนเป็นชื่อหอนาฬิกาประจำรัฐสภาอังกฤษ แต่แท้ที่จริงแล้ว บิกเบนเป็นชื่อเล่นของระฆังใบใหญ่ที่สุด หนักถึง 13,760 กิโลกรัม ซึ่งแขวนไว้บริเวณช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา ทั้งนี้มีระฆังรวมทั้งสิ้น 5 ใบ โดย 4 ใบจะถูกตีเป็นทำนอง ส่วนบิกเบนจะถูกตีบอกชั่วโมงตามตัวเลขที่เข็มสั้นชี้บนหน้าปัดนาฬิกา ทว่าคนส่วนใหญ่กลับใช้ชื่อบิกเบนเรียกตัวหอทั้งหมด
บางทีมักเรียกหอนาฬิกานี้ว่า หอเซนต์สตีเฟน (St. Stephen's Tower) หรือหอแห่งบิกเบน (Tower of Big Ben) ซึ่งที่จริงแล้วชื่อหอเซนต์สตีเฟนคือชื่อของหอในพระราชวังอีกหอหนึ่ง[1] ซึ่งใช้เป็นทางเข้าไปอภิปรายในสภา ปัจจุบันภายในหอนาฬิกาไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม เว้นแต่สำหรับผู้ที่อาศัยในประเทศอังกฤษ จะต้องทำเรื่องขอเข้าชมผ่านสมาชิกรัฐสภาอังกฤษประจำท้องถิ่นของตน ถ้าเป็นเด็กต้องมีอายุเกิน 11 ปี จึงจะเข้าชมหอได้ สำหรับชาวต่างประเทศนั้นยังไม่อนุญาตให้ขึ้นไป [2]

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

[MV] เกมร้ายเกมรัก (Nadech & Yaya) - ทะเลสีดำ




# เพลงฟังแล้วเพราะมาก ๆๆ ค่ะ !

# ฟังดูน่ะค่ะ เพื่อน ๆๆ !

Pisa >.> The Leaning Tower !


 

 

หอเอนเมืองปีซา  (The Leaning Tower of Pisa)

     หอเอนเมืองปีซา   ตั้งอยู่ที่เมืองปีซา   ประเทศอิตาลี   เป็นหอทรงกระบอก  8  ชั้น   สร้างด้วยหินอ่อนสูง  181  ฟุต   เริ่มสร้างเมื่อค.ศ.  1174   แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงเมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 4-5  ชั้น   เนื่องจากพื้นดินใต้อาคารเริ่มยุบลงจากการที่รากฐานของอาคารไม่มั่นคงพอ   อย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อปีค.ศ. 1350   ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของโครงสร้างด้านบนไปจากแผนผังเดิมเพื่อถ่วงดุลกับการเอียงของหอ โดยรวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น  176  ปี   แต่ตัวหอก็ยังเอนไปจากแนวตั้งฉากถึง  14  ฟุตปัจจุบันนี้ได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมข้างบนแล้ว   เนื่องจากว่าหอจะเอนลงเรื่อยๆ   ซึ่งบรรดาวิศวกรกำลังหาทางที่จะหยุดยั้งการเอนและอนุรักษ์ให้มีสภาพเอียงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชมไปอีกนานๆ   สำหรับหอเอนปิซานี้ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคได้สลักลวดลายไว้สวยงามมาก   ณ  ที่หอเอนปิซาแห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก
 
 

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

จุดชมวิว 3 อ่าว

จุดชมวิว 3 อ่าว บริเวณนี้จะเป็นลักษณะเนินเขาสูง โดยมีการจัดสร้างศาลาสามารถขึ้นไปชมวิวได้ ซึ่งบริเวณนี้สามารถมองเห็น วิวได้เกือบทั่วบริเวณ สามารถมองเห็นอ่าวได้ถึง 3 อ่าว โดยอ่าวที่อยู่ใกล้ที่สุด คือหาดกะตะน้อย เลยออกไปเป็นอ่าวกะตะ และที่อยู่นอกสุด เป็นหาดกะรน ซึ่งลักษณะจะเป็นแบบโค้งแบบเสี้ยวพระจันทร์ติดต่อกัน 3 อ่าว และ ณ จุดชมวิวนี้ ยังสามารถมองเห็นเกาะปู ซึ้งเป็นเกาะ ที่อยู่ใกล้กับสามอ่าวนี้อีกด้วย เป็นสถานที่มีชื่อเสียงทั้งไทยและต่างชาติ และเป็นที่นิยมสำหรับถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ละลึกอีกด้วย